อยู่ไปนานๆ แล้วบ้านทรุด แก้ไขปัญหาอย่างไรดี
บ้านทรุด พื้นยุบตัว ไม่เสมอกัน หรือผนังแตกร้าว ปัญหาที่เจ้าของบ้านต้องเจอหลังอยู่อาศัยไปนานๆ และไม่ใช่เรื่องที่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนอกจากทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายในการอยู่อาศัย ยังเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและเพิ่มค่าใช้จ่ายซ่อมแซมในอนาคตได้อีกด้วย ในบทความนี้ SMART จะพาคุณสำรวจสาเหตุของบ้านทรุด พร้อมแนวทางแก้ไขที่ควรรู้ เพื่อป้องกันปัญหาก่อนจะสายเกินไป
อะไรคือสัญญาณเตือนว่าบ้านกำลังทรุด
- พื้นบ้านมีรอยร้าว รอยแยก หรือพื้นไม่เสมอกัน
- ผนังแตกร้าวบริเวณขอบวงกบประตูหรือหน้าต่าง
- ประตู หน้าต่างปิดไม่สนิท หรือฝืดมากผิดปกติ
- พื้นบางส่วนเอียง หรือต่ำกว่าบริเวณอื่นอย่างเห็นได้ชัด
- น้ำขังหรือไหลผิดทางในช่วงฤดูฝน เนื่องจากระดับพื้นที่เปลี่ยนไป
สาเหตุที่ทำให้บ้านทรุดหลังอยู่อาศัยไปนานๆ
1. ดินใต้บ้านเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในพื้นที่ดินอ่อนหรือพื้นที่ใกล้แม่น้ำ มักพบปัญหาบ้านทรุดได้ง่าย เนื่องจากดินมีโอกาสยุบตัวสูง เมื่อน้ำใต้ดินเปลี่ยนแปลงหรือมีน้ำฝนสะสมต่อเนื่อง ดินจะสูญเสียความแน่นและไม่สามารถรองรับน้ำหนักของบ้านได้ดีเหมือนเดิม
2. น้ำหนักที่กดทับในจุดเดิมนานเกินไป
การวางแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ ตู้หนังสือ หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่บนพื้นที่เดิมเป็นเวลานานหลายปี จะเพิ่มแรงกดบนพื้นที่และเร่งให้เกิดการทรุดในบริเวณนั้น
3. ระบบระบายน้ำเสื่อม ไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานาน
เมื่อระบบระบายน้ำรอบบ้านอุดตันจากใบไม้หรือเศษขยะ หรือไม่ได้ทำความสะอาดท่อระบายน้ำเป็นเวลานาน จะส่งผลให้น้ำฝนขังรอบบ้านและซึมเข้าสู่ดิน ทำให้ดินอ่อนตัวและเกิดการทรุดตัวของพื้นที่ได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะบ้านในพื้นที่ลาดเอียง น้ำท่วมซ้ำซาก หรือใกล้แม่น้ำ คลอง และพื้นที่น้ำใต้ดินสูง
คำแนะนำ : ควรหมั่นตรวจสอบระบบท่อระบายน้ำและบ่อพักน้ำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันจากใบไม้หรือเศษขยะ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสบ้านทรุดจากน้ำขังได้ดีขึ้น
4. การต่อเติมบ้านไม่ได้มาตรฐาน
การต่อเติมพื้นที่ภายในบ้าน เช่น ครัว โรงจอดรถ หรือส่วนใช้งานอื่นๆ หากวางแผนไม่ดี กลายเป็นต้นเหตุของ “บ้านทรุด” ได้ง่าย โดยเฉพาะกรณีที่เลือกใช้ช่างไม่มีประสบการณ์ หรือไม่ได้วางระบบฐานรากให้เหมาะสม เช่น การลงเสาเข็มที่ตื้นเกินไป หรือเชื่อมโครงสร้างใหม่เข้ากับบ้านเดิมโดยไม่คำนึงถึงความแข็งแรง เมื่อพื้นที่ต่อเติมรับน้ำหนักมากเกินไป อาจทำให้เกิดการทรุดตัวเร็วกว่าปกติ และมีโอกาสลุกลามส่งผลต่อโครงสร้างของบ้านหลักในอนาคต
ดังนั้นการเลือกช่างในการต่อเติมบ้าน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราควรเลือกช่างที่มีความชำนาญ มีคุณภาพ และประสบการณ์สูง SMART ได้คัดสรรช่างต่อเติมบ้านมืออาชีพมาให้คุณแล้ว ทั้งการทำกัดสาด หลังคา และรางน้ำฝน สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ เมนู “บริการเรื่องบ้าน” ในแอปฯ SMART World
บ้านทรุดต้องแจ้งใคร
1. แจ้งนิติบุคคลหมู่บ้าน
สำหรับผู้ที่อาศัยในหมู่บ้านจัดสรร ควรแจ้งนิติบุคคลทันที เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบและให้คำแนะนำเบื้องต้น รวมถึงช่วยประสานงานกับช่างหรือผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาดูแลได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้หากต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงเพิ่มเติม ควรแจ้งให้นิติบุคคลทราบล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและผลกระทบต่อเพื่อนบ้านและส่วนร่วม
2. ประสานกับบริษัทซ่อมแซมที่เชี่ยวชาญ
เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกรณีบ้านทรุดที่เกิดกับพื้นที่ภายในเขตบ้าน เช่น พื้นในบ้านเอียงหรือโครงสร้างส่วนตัวทรุด ควรติดต่อบริษัทรับซ่อมแซมที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง เพื่อประเมินและแก้ไขได้ตรงจุด เช่น งานเสริมฐานราก หรือซ่อมผนังและพื้นให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย
บ้านทรุดไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าไม่รีบแก้จะเสียหายยิ่งกว่าเดิม
หลายคนอาจคิดว่าปัญหาพื้นยุบหรือบ้านทรุดไม่ร้ายแรง แต่ในความจริงแล้ว ปัญหานี้หากปล่อยไว้นาน อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ใหญ่ขึ้น เช่น
- ความเสียหายขยายวงกว้าง เช่น รอยร้าวกระจายไปทั่วบ้าน
- เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน เช่น สะดุดพื้นเอียงหรือของใช้ตกหล่นจากการเอียงของบ้าน
- ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงขึ้น เพราะต้องแก้ทั้งฐานรากและโครงสร้าง
- ทรัพย์สินเสียหาย เช่น เฟอร์นิเจอร์เอียง ล้ม หรือการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ระดับ
- สูญเสียมูลค่าบ้าน หากมีแผนขายต่อในอนาคต
บ้านทรุดไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อทั้งความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โครงสร้างบ้าน รวมถึงทรัพย์สินภายในบ้าน สำหรับลูกบ้าน SMART ควรรีบแจ้งนิติ SMART เป็นอันดับแรก เพื่อสอบถามถึงแนวทางการแก้ไข และข้อบังคับนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช่วยให้การซ่อมแซมเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่ส่งผลเดือดร้อนต่อลูกบ้านท่านอื่น




