ที่จอดรถไม่พอ มีสาเหตุมาจากอะไร?

ปัญหาเรื่อง “ที่จอดรถไม่พอ” เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในที่พักอาศัยประเภทคอนโด เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น ลูกบ้านหลายๆ คนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า เข้ามาอยู่แล้วทำไมบางครั้งต้องจอดซ้อนคัน อีกทั้งยังสร้างความกังวลใจขณะที่จอดรถแล้วต้องปลดเกียร์ว่างไว้ รถของเราจะถูกเลื่อนไปบริเวณไหน คนอื่นจะเข็นไปชนรถคันอื่นหรือเปล่า ซึ่งปัญหาเรื่องที่จอดรถดังกล่าวทำให้คนที่อยู่อาศัย ณ โครงการคอนโดต้องเกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา

วันนี้ นิติบุคคล SMART จะบอกต้นตอสาเหตุปัญหาเรื่องที่จอดรถ แนวทางการแก้ปัญหาที่ รวมไปถึงกฎหมายเกี่ยวกับที่จอดรถในอาคารชุด เพื่อเป็นความรู้และทางออกเบื้องต้นสำหรับลูกบ้าน

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าปัจจุบันมีที่จอดรถมีขนาดและรูปแบบใดบ้าง ที่จอดรถแต่ละประเภทใช้พื้นที่จอดรถขนาดเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป จะเป็นยังไงมาดูกันเลยครับ

ขนาดและรูปแบบของพื้นที่จอดรถ

ตามกฎหมาย ที่จอดรถ 1 คันนั้น จะต้องมีขนาดอย่างน้อย 2.4 x 5.0 เมตร เพื่อให้สามารถครอบคลุมพื้นที่การจอดรถให้เป็นระเบียบ โดยมีรูปแบบการจัดสรรที่จอดรถอยู่ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย

• จอดขนาน หรือเอียงไม่เกิน 30 องศา โดยต้องมีทางถนนวิ่งไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร
• ที่จอดรถที่มีช่องเอียง 30-60 องศา โดยต้องมีทางถนนรถวิ่งไม่น้อยกว่า 5.50 เมตร
• ที่จอดรถที่มีช่องเอียง 60-90 องศา โดยต้องมีทางถนนรถวิ่งไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร

ประเภทที่จอดรถในคอนโด

ที่จอดรถคอนโดที่เรามักเห็นกันบ่อยๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียในการใช้งานแตกต่างกัน ดังนี้ 

ที่จอดรถคอนโดแบบกลางแจ้ง Outdoor Parking

ที่จอดรถคอนโดแบบกลางแจ้งมักพบในคอนโด Lowrise ที่ไม่มีการสร้างอาคารจอดรถ เป็นที่จอดรถแบบ Semi Outdoor ที่จอดรถที่อยู่ในตัวอาคารจะมีการกำหนดความสูงไว้ไม่ให้เกิน 2.2 – 2.4 เมตร สำหรับกรณีจอดรถฉุกเฉินหรือรถที่มีหลังคาสูง ซึ่งข้อดีของที่จอดรถประเภทนี้ คือ ไม่ต้องเสียเวลาวนขึ้นอาคารจอดรถนาน แต่มีข้อเสีย คือ ต้องจอดรถยนต์ตากแดด ตากฝน และพื้นที่จอดรถไม่เชื่อมต่อส่วนพักอาศัย

ที่จอดรถคอนโดในอาคารจอดรถ Indoor Parking

คอนโด High Rise โครงการใหม่ๆ ส่วนมากมักเริ่มสร้างที่จอดรถแบบ Indoor Parking เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในโครงการโดยจะอยู่ในชั้นล่างก่อนขึ้นไปเป็นส่วนพักอาศัยในชั้นบน บางโครงการอาจจะทำเป็นชั้นจอดรถใต้ดิน ซึ่งข้อดีของที่จอดรถประเภทนี้ คือ มีพื้นที่จอดรถมากขึ้น เนื่องจากถูกกระชับพื้นที่มากกว่าที่จอดรถแบบ Outdoor Parking และทำให้ลูกบ้านเดินเข้าอาคารง่ายขึ้นเพราะเป็นที่จอดรถเชื่อมต่อกับส่วนพักอาศัย แต่ก็มีข้อเสีย คือ ถูกจำกัดความสูง รถที่มีหลังคาสูงอาจต้อวใช้ระมัดระวังในการเข้า-ออกอาคารมากขึ้น

ที่จอดรถคอนโดแบบอัตโนมัติ Automated Parking System

ระบบที่จอดรถยนต์แบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยเรามักไม่ค่อยเห็นที่จอดรถประเภทนี้บริเวณที่อยู่อาศัยทั่วไปเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะใช้พื้นที่น้อย บางแห่งใช้พื้นที่เพียง 12.5 – 15 ตร.ม./คัน เท่านั้น แต่ราคาติดตั้งระบบมีต้นทุนสูง ซึ่งข้อดีของที่จอดรถประเภทนี้ คือ ช่วยเพิ่มพื้นที่ที่จอดรถในโครงการ เนื่องจากที่จอดแต่ละช่องจะถูกออกแบบให้พอดีกับขนาดมาตรฐานรถยนต์ และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของรถยนต์ ลดปัญหาการถูกเฉี่ยวชนจากการจอดซ้อนคัน แต่ก็มีข้อเสีย คือ ไม่เหมาะกับเวลาเร่งด่วน กลไกที่จอดรถแบบอัตโนมัตินำรถออกมาจากที่จอดได้เพียง 1-2 คันเท่านั้น และหากเกิดระบบขัดข้อง เราอาจจะเอารถออกมาไม่ได้เลย ต้องรอช่างซ่อมจนกว่าจะกลับมาใช้งานได้เท่านั้น

ปัญหาเรื่องที่จอดรถในคอนโดที่พบบ่อยที่สุด “ที่จอดรถไม่เพียงพอ”

อย่างที่ทราบอยู่แล้วว่าคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยแนวสูงที่มีพื้นที่จำกัดต่าง ส่วนใหญ่ 1 ห้องชุดจะมีที่จอดรถ 1 คัน แต่บางวันอาจจะมีรถของญาติของเจ้าของห้องเข้ามาร่วมจอดรถข้ามคืน หรือมีคอมมูนิตี้มอลล์บริเวณพื้นที่อาคาร มีคนภายนอกเข้ามาใช้บริการพื้นที่จอดรถร่วม จึงทำให้ที่จอดรถไม่เพียงพอต่อความต้องการ เกิดปัญหาต้องแย่งที่จอดรถกัน หรือจำเป็นต้องจอดรถซ้อนคัน ปิดหน้ารถคันอื่น

ตามมาตรฐานพื้นที่จอดรถรถยนต์จะต้องจัดให้มีช่องหรือพื้นที่ไม่ควรต่ำกว่า 40% ของพื้นที่ขายห้องชุดทั้งหมด ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนที่จอดรถต้องมีอย่างน้อย 1 คันต่อพื้นที่ก่อสร้าง 120 ตารางเมตร ส่วนนอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จะต้องมีที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่ก่อสร้าง 240 ตารางเมตร

ผลกระทบปัญหาที่จอดรถด้านอื่นๆ

1. ที่จอดรถไม่เพียงพอสำหรับ Visitor/ ผู้เข้ามาติดต่อภายในอาคาร
2. อาจเกิดค่าใช้จ่ายเช่าที่จอดรถเพิ่มเติม เช่น ค่าจอดรถคันที่ 2, ค่าจอดแบบล็อคที่ (รายเดือน) เป็นต้น

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่จอดรถในอาคารชุด

อ้างถึงกฎกระทรวงฉบับที่ 7 และ พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ดังนี้

1. ต้องออกแบบให้มีที่จอดรถยนต์ไม่น้อยกว่า 1 คันต่อ 1 ครอบครัว
2. ต้องจัดเตรียมที่จอดรถให้อยู่ภายในบริเวณของอาคารนั้น หากอยู่นอกอาคาร ต้องมีทางไปสู่อาคารนั้นไม่เกิน 200 เมตร
3. ห้องชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตารางเมตรขึ้นไป จำเป็นต้องมีที่จอดรถ 1 คัน ต่อ 1 ห้องชุด
4. พื้นที่ก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ 120 ตารางเมตรขึ้นไป จำเป็นต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
5. ที่จอดรถในคอนโด 1 คัน ต้องมีขนาดอย่างน้อย 2.4 x 5.0 เมตร เพื่อให้สามารถครอบคลุมพื้นที่การจอดรถให้เป็นระเบียบ
6. ต้องมีที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 40% โดยคำนวณจากขนาดของโครงการดังนี้ (จำนวนที่จอดรถ x 100) ÷ จำนวนยูนิตของโครงการ = %จำนวนที่จอดรถภายในอาคาร

ที่จอดรถไม่เพียงพอ นิติบุคคลช่วยเรายังไงได้บ้าง?

• นิติบุคคล ทำการลงทะเบียนที่จอดรถสำหรับลูกบ้านภายในอาคาร และใช้สติกเกอร์ในการควบคุมการจอดรถ เช่น การให้สิทธิ์ห้องละ 1 คัน
• นิติบุคคล สามารถเสนอให้คณะกรรมการมีมติเกี่ยวกับระเบียบการจอดรถ โดยเสนอให้มีการเรียกเก็บค่าจอดรถเพิ่มเติม ในกรณที่มีการจอดนานเกินไปโดยไม่มีการขยับ/เคลื่อนย้ายรถเลย เพื่อบริหารพื้นที่ภายในโครงการได้ดีมากขึ้น 
• นิติบุคคล อาจใช้วิธีเช่าที่จอดรถเในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับอาคารชุด โดยอาจกำหนดชัดเจนว่าคันใดที่ต้องไปจอดบ้างจากลำดับที่ลงทะเบียน

การปล่อยเช่าที่จอดรถของเจ้าของร่วม

เป็นช่องว่างของเจ้าของร่วมผู้ซึ่งไม่มีรถ ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อหารายได้โดยการปล่อยเช่าที่จอดรถ ซึ่งบางโครงการ นิติบุคคลอนุญาตให้เจ้าของร่วมสามารถปล่อยเช่าที่จอดรถได้ เพียงแต่ต้องไม่ให้ผู้เช่าพื้นที่จอดรถรบกวนการจอดรถของเจ้าของร่วมท่านอื่น และในกรณีที่นิติบุคคลไม่อนุญาตให้ปล่อยเช่าที่จอดรถ นั้นมีเหตุผลในการบริหารจัดการอาคารดังนี้

1. ความเป็นส่วนตัวของเจ้าของร่วมท่านอื่น 

2.ที่จอดรถไม่เพียงพอ เนื่องจากบางโครงการไม่ได้มีที่จอดรถที่รองรับตามจำนวนยูนิตได้ 100% 

3. ปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากผู้เช่าพื้นที่จอดรถภายในโครงการส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของร่วมโดยตรง

สุดท้ายแล้ว ปัญหาที่จอดรถนั้นสามารถหาทางออกร่วมกันได้ หากไม่เอาเปรียบใช้สิทธิ์เกินที่กำหนดจนกระทบกับเพื่อนบ้านท่านอื่นๆ ซึ่งหากต้นเหตุของปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอมาจากพื้นที่อาคาร ลูกบ้านสามารถร่วมกันแจ้งนิติบุคคลเพื่อนำเรื่องเสนอคณะกรรมการโครงการ เพื่อทำเรื่องขอเช่าพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้ครับ