เพื่อนบ้านขับรถเร็ว อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
การขับรถเร็ว คือพฤติกรรมที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นในพื้นที่อยู่อาศัย เช่น หมู่บ้านจัดสรรที่มีเด็กวิ่งเล่น มีคนเดินออกกำลังกาย หรือผู้สูงอายุเดินผ่านทางเข้าออกเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อเพื่อนบ้านท่านอื่นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างมาก เพราะในหลายๆ หมู่บ้านถูกออกแบบมาไม่ได้เหมาะให้สามารถใช้ความเร็วได้มากเกินไป ในบทความนี้ SMART จะพาไปดูว่าปัญหาเพื่อนบ้านขับรถเร็ว ควรจัดการและแก้ไขอย่างไร พร้อมข้อมูลทางกฎหมาย เพื่อให้เรารู้เท่าทัน
แบบไหนถึงเรียกว่า ขับรถเร็วเกินไป
หลายคนอาจเข้าใจว่าการขับรถเร็วในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องใหญ่ โดยเฉพาะถ้าเห็นว่าถนนโล่งหรือแค่ขับผ่านชั่วครู่ แต่ความจริงแล้ว ความเร็วเพียงเล็กน้อยก็มีผลอย่างมาก เพราะถนนในหมู่บ้านไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเร็วสูง ส่วนใหญ่เป็นทางแคบ มีโค้ง มีทางแยก และที่สำคัญคือ มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนเดินเท้าใช้พื้นที่ร่วมกันอยู่เสมอ ความเร็วที่ดูปลอดภัยบนถนนใหญ่ อาจกลายเป็น “เร็วเกินไป” ในพื้นที่แบบนี้
ความเร็วที่ปลอดภัยในหมู่บ้านไม่ควรเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่องค์กรระดับโลกแนะนำ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า:
- หากรถยนต์ขับไม่เกิน 30 กม./ชม. โอกาสที่คนเดินถนนจะรอดจากอุบัติเหตุสูงถึง 90%
- แต่หากขับเกิน 50 กม./ชม. โอกาสรอดจะลดลงเหลือเพียง 20%
คนขับที่ “คุ้นเส้นทางในหมู่บ้าน” มักเผลอขับเร็วโดยไม่รู้ตัว เพราะรู้สึกว่าควบคุมได้ ทั้งที่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ตลอดเวลา แค่ไม่กี่วินาทีของการเบรกไม่ทัน อาจหมายถึงอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
เพื่อนบ้านขับรถเร็วเกินไป ควรทำอย่างไรดี?
หากคุณสังเกตว่าเพื่อนบ้านขับรถเร็วเป็นประจำในหมู่บ้าน อย่าเพิ่งมองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะพฤติกรรมนี้อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้โดยไม่ตั้งใจ SMART ขอแนะนำแนวทางรับมือและจัดการปัญหาอย่างสุภาพ และช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน
1. เริ่มต้นด้วยการพูดคุยแบบตรงไปตรงมาอย่างสุภาพ
หากคุณมีความคุ้นเคยหรือรู้จักเพื่อนบ้านที่ขับรถเร็ว การพูดคุยเป็นการส่วนตัว อาจเป็นวิธีง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ แต่ควรเลือกใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลและน้ำเสียงที่เป็นมิตร หลีกเลี่ยงคำที่อาจฟังดูกล่าวโทษหรือตำหนิ เพราะอาจทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่สบายใจและไม่เปิดรับการพูดคุย และควรเลือกพูดในจังหวะที่เหมาะสม เช่น เวลาที่อีกฝ่ายไม่ได้รีบเร่ง หรืออยู่ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เพื่อให้การสื่อสารมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
2. ปรึกษานิติบุคคล พร้อมเสนอแนวทางเชิงป้องกันและสร้างวัฒนธรรมร่วมกัน
หากไม่สะดวกคุยตรงๆ หรือพูดแล้วไม่เป็นผล การแจ้งนิติบุคคลคือทางเลือกที่ดี เพราะทำให้เรื่องนี้กลายเป็น “ปัญหาส่วนรวม” มากกว่าจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัว โดย SMART ขอแนะนำแนวทางที่สามารถทำได้จริง ดังนี้
- ขอให้นิติออกประกาศเตือน หรือติดป้ายเตือนในจุดเสี่ยง เพื่อขอความร่วมมือในการขับขี่ปลอดภัยผ่านบอร์ดประกาศ/กลุ่มไลน์ โดยไม่ต้องระบุชื่อใคร
- ขอให้พิจารณามาตรการชะลอรถเพิ่มเติม เช่น การติดตั้งลูกระนาดตามจุดที่มีเด็กเล่น หรือใกล้โค้งมุมอับรวมถึงการพิจารณาติด CCTV เพื่อป้องปรามพฤติกรรมที่เสี่ยง
- สร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยร่วมกันในระยะยาว เช่น จัดกิจกรรมรณรงค์ เช่น “หมู่บ้านขับขี่ปลอดภัย” หรือ “เดือนแห่งการขับช้า” เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม
เมื่อทุกคนในชุมชนเริ่มตระหนักว่า “ขับรถเร็ว” ไม่ใช่เรื่องเล็ก การเปลี่ยนแปลงที่ดีและยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
การขับรถเร็วในหมู่บ้าน ผิดกฎหมายหรือไม่?
แม้ว่าหมู่บ้านจะไม่ใช่ถนนสาธารณะประเภท “ทางหลวง” แต่ก็ยังถือว่าอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายจราจรเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหากเป็นพื้นที่ที่มีคนเดิน หรือมีรถสัญจรผ่านเข้าออกเป็นประจำ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 67 ระบุว่า “ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องไม่ประมาท เพื่อป้องกันอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขตชุมชน หรือบริเวณที่มีคนเดินอยู่บนถนน” แสดงว่า การขับรถเร็วในหมู่บ้าน โดยเฉพาะในลักษณะที่ไม่ชะลอความเร็วในจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง มุมอับ หรือหน้าบ้านที่มีเด็กเล่น — เข้าข่ายการขับขี่โดยประมาทได้ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ข้อกฎหมายเพิ่มเติมที่ควรตระหนัก
หากการขับเร็วทำให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่อาจถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น
- มาตรา 300 : กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
- มาตรา 390: กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในทางแพ่ง ซึ่งผู้ขับขี่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมแซม หรือค่าเสียโอกาส
ปัญหาการขับรถเร็วในหมู่บ้าน อาจดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาบางคน หรือมองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้บ่อย จึงสามารถละเลยได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมองข้ามได้ SMART ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงจัดมาตราการตรวจตราความเรียบร้อยทั่วทั้งโครงการทุก 2 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV รอบโครงการ เพื่อช่วยในการตรวจตราดูแลความปลอดภัย หากลูกบ้านพักอาศัยในโครงการที่บริหารจัดการโดย SMART และพบเจอผู้ขับรถเร็ว สามารถแจ้งนิติบุคคลได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ SMART World ในฟีเจอร์ “แชตกับนิติบุคคล 1:1” เพื่อช่วยในการประสาน และพูดคุยกับผู้ที่ขับรถเร็วแทน เพื่อสร้างความเข้าใจ และลลดปัญหาการทะเลาะ และขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน




