ขายเดลิเวอรี่ในโครงการที่อยู่อาศัย ผิดไหม?
การเข้ามาของโควิด-19 ทำให้ร้านอาหารในประเทศไทยต้องปิดตัวลงไปเป็นจำนวนมาก การต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้านทำให้พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไป จำเป็นต้องสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น ด้วยความง่ายในการเปิดร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีเงินลงทุนเยอะ แค่มีฝีมือในการทำอาหารก็สามารถเปิดร้านอาหารออนไลน์ได้แล้ว จึงทำให้ในช่วงเวลาสั้นๆ ร้านอาหารเดลิเวอรี่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คนแห่เข้ามาขายอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้นเพราะต้องการหารายได้และทำอาชีพเสริม บางคนใช้ห้องครัวในคอนโด บางคนใช้พื้นที่หลังบ้านต่อเติมครัวแล้วขายอาหารอย่างจริงจัง ในมุมสำหรับพ่อค้าแม่ค้าอาจจะคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่จริงๆแล้ว การขายอาหารในที่พักอาศัย อาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิดไว้
สถานที่อยู่อาศัยไม่ใช่สถานที่จำหน่ายอาหาร
โครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่บ้านหรือพื้นที่ห้องภายในคอนโดมิเนียม ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสถานที่ใช้ในทำธุรกิจร้านอาหารเดริเวอรี่ การต่อเติมพื้นที่ประกอบอาหารมากกว่าที่พระราชบัญญัติควบคุมอาคารกำหนด ผู้ประกอบการจะต้องขอใบอนุญาตต่อเติมจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามกฎหมายให้ถูกต้อง
อีกทั้งยังมีเรื่องมาตรฐานสุขลักษณะด้านการเตรียมสถานที่ประกอบอาหารหรือปรุงอาหาร ตามกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 ที่มีการกำหนดให้พื้น ผนัง เพดานจะต้องสะอาด ทำด้วยวัสดุแข็งแรง ไม่ชำรุด ต้องทำความสะอาดง่าย มีการระบายอากาศเพียงพอ แสงสว่างเหมาะสม ต้องมีการแยกเศษอาหาร แยกไขมันในบ่อดักก่อนระบายน้ำทิ้ง การเปลี่ยนที่อยู่อาศัยไปเป็นร้านอาหารเดริเวอรี่อาจจะทำให้เกิดท่อน้ำเสียของส่วนรวมอุดตันบ่อยครั้งและโครงสร้างโครงการเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น
ส่งผลกระทบให้กับเพื่อนบ้าน?
การทำร้านอาหารเดริเวอรี่อาจสามารถส่งผลกระทบรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันด้านต่างๆ เช่น
- ปัญหาเรื่องเสียง: เสียงเครื่องครัว เสียงการประกอบอาหาร เสียงมอเตอร์ไซค์ของลูกค้าและไรเดอร์
- ปัญหาเรื่องกลิ่น: กลิ่นการปรุงอาหาร กลิ่นควันจากเตา กลิ่นจากถังขยะ
- ปัญหาเรื่องความสะอาด: เศษอาหาร แมลงวัน แมลงสาบ หนู ขยะต่างๆ
- ปัญหาเรื่องความปลอดภัย: บุคคลภายนอกเข้า-ออกโครงการมากขึ้น
มากไปกว่านั้น ยังสามารถทำให้เราอาจมีปากเสียง หรือ ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ได้อีกด้วยครับ

การเปิดธุรกิจร้านอาหารที่ถูกต้อง
ด้วยกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจด้านอาหาร เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ก่อนเปิดสถานที่ประกอบการอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร จะต้องยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นก่อน โดยจัดทำเอกสารรับรองการแจ้งหรือขอรับใบอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าสถานประกอบการของท่านได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค
สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมธุรกิจร้านอาหาร ควรจะต้องมีพื้นที่ร้านมากกว่า 200 ตารางเมตร เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วจึงสามารถดำเนินกิจการได้ ซึ่งใบอนุญาตจะมีอายุหนึ่งปี และการขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ ในกรณีที่พื้นที่ของร้านไม่เกิน 200 ตารางเมตร เมื่อเปิดดำเนินกิจการต้อง แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อขอหนังสือรับรองการแจ้ง และเมื่อประสงค์จะเลิกกิจการ หรือโอนกิจการให้แก่บุคคลอื่น ต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบด้วย
- สถานที่จำหน่ายอาหาร เป็นสถานที่ในการปรุงอาหารและจำหน่ายอาหาร สามารถซื้อแล้วทานได้ทันที หรือนำกลับไปทานในสถานที่อื่น ๆ ได้ เช่น ร้านอาหารตามสั่ง ศูนย์อาหาร และร้านอาหารต่างๆ รวมไปถึงร้านแผงลอยที่จำหน่ายอาหารในพื้นที่เอกชน
- สถานที่สะสมอาหาร เป็นสถานที่สถานที่จัดเก็บอาหารที่มีทั้งของสด ของแห้ง หรือในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อผู้ซื้อจะได้นำไปประกอบอาหาร, เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร, หรือเก็บไว้บริโภคในภายหลัง เช่น ร้านสะดวกซื้อ, มินิมาร์ท, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านขายของชำ
หากผู้ประกอบการร้านอาหารเปิดร้านโดยไม่มีใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-50,000 บาท หรือมีโทษจำคุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านอาหารและขนาดของพื้นที่
ขายอาหารเดลิเวอรี่ในบ้านหรือในห้องชุด ทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่สามารถนำห้องชุดที่ใช้เพื่ออยู่อาศัยดำเนินการใดๆ อันเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ หรือขายอาหารเดลิเวอรี่ได้ รวมถึงในโครงการหมู่บ้านก็จะต้องดูในระเบียบพักอาศัยและข้อบังคับของโครงการเบื้องต้นก่อนว่าอนุญาตหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้กระทำการดังกล่าว โดยตามกฎหมายพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ที่ใช้กำกับดูแลการประกอบธุรกิจร้านอาหาร ยังคงกำชับและตรวจสอบใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองในการเปิดร้านอาหารเท่านั้น
นิติบุคคล SMART ไม่แนะนำในการนำที่อยู่อาศัยส่วนตัวของเรามาทำธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่ เนื่องจากสถานที่ที่ไม่เหมาะสมทั้งในเรื่องสุขอนามัยในการประกอบอาหาร และมีหลายปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับเพื่อนบ้านอีกด้วยครับ
สรุป
การเริ่มทดลองทำธุรกิจขายอาหารจากสนามเล็กๆ ในเดลิเวอรี่ มีข้อดีในการมีรายได้เสริม การใช้ประโยชน์ของห้องครัวนอกจากการทำมื้ออาหาร แต่ก็มีข้อเสียที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเพื่อนบ้าน และสภาพแวดล้อมในโครงการเช่นเดียวกัน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข้อกฎหมายตัดสินความผิดเรื่องขายอาหารเดลิเวอรี่ในโครงการที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง แต่ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการขายอาหารเดลิเวอรี่ เตรียมแผนรองรับด้านสถานที่ การจัดการกับมลพิษต่างๆ ให้พร้อม รวมถึงปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย สุขอนามัย ต่อตัวเอง ลูกค้า และเพื่อนบ้าน




